หมายเหตุ: LM Article


LM watch พยายามคงการเน้นคำในเนื้อหาให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเงื่อนไขทางเทคนิคบางประการ ทำให้การแสดงผลบนเวบไซต์นี้ยังไม่สามารถใช้การเน้นแบบ "ขีดเส้นใต้" ได้ จึงจำเป็นต้องใช้การเน้นด้วย "ตัวหนา" แทนในบางกรณี ซึ่งต้องขออภัยต่อเจ้าของบทความ/รายงาน ตลอดจนผู้อ่านเป็นอย่างสูง

LM watch



วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทำไมกฎหมายหมิ่นฯสมควรจะถูกมองซ้ำ

ที่มา: Liberal Thai

'chapter 11' แปลและเรียบเรียงจาก Why lèse majesté in Thailand needs to be reviewed

พิสูจน์อักษร: LM watch


ทำไมกฎหมายหมิ่นฯสมควรจะถูกมองซ้ำ

นักเขียนชาวออสเตรเลียแฮรี่ นิโคไลเดสได้ถูกตัดสินจำคุกไทย 3 ปี ในการเขียนหนังสือที่ตามจริงแล้วแทบจะไม่มีใครได้อ่านหนังสือ “Verisimilitude” ของนิโคไลเดสได้ตีพิมพ์ออกมา 50 เล่ม ขายได้ไม่เกิน 10 เล่ม แต่มีบางอย่างในหนังสือได้ไปพาดพิงกล่าวหาราชวงศ์ของไทย และนั่นก็เป็นการเพียงพอในการที่จะตีตรวน โกนหัวเขาและทำให้เขาร้องไห้คร่ำครวญต่อสวรรค์ แต่ก็สายเกินไปที่จะเลี่ยงการถูกจำคุก

ยุติธรรมหรือไม่ (คนไทยหลายๆคนได้ยืนยันว่า ไม่ยุติธรรม) ภาพที่น่าสงสารของนิโคไลเดสได้เป็นกลายเป็นหน้าปัจจุบันของผู้ต้องคดีกฎหมายหมิ่น ซึ่งเป็นกฎหมายที่ดูเหมือนจะหยุมหยิมไม่ได้สัดส่วน บางคนอาจพูดว่าน่าขำและเหมือนดูตลก ถ้าไม่น่าหวาดกลัวแบบนี้

บุคคลที่สนใจหาข่าวต่างประเทศในเรื่องโชคร้ายของนิโคไลเดสได้ชี้ว่า มีคนไม่มากนักที่ได้ติดคุกนานๆเนื่องจากกฎหมายหมิ่นฯ แท้จริงแล้วมีการคาดเดากันว่าเขาอาจจะได้รับการอภัยโทษ กษัตริย์ภูมิพลอันเป็นที่เคารพของประเทศไทย ในอดีตได้เคยพระราชทานอภัยโทษอย่างรวดเร็ว ด้วยความมีพระเมตตาต่อการสำนึกผิด (”คราวหน้าระวังบ้างก็แล้วกัน” ทั้งตำรวจและนักการเมืองได้กล่าวกับบุคคลที่ได้รับการให้อภัยโทษว่า “และขอให้จำใส่ใจ – อย่าให้เกิดขึ้นอีก”)

ปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯที่ตีความได้กว้างไกลและคลุมเครือคือ แม้จะมีตัวอย่างในกรณีแฮรี่ นิโคไลเดส ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าในอนาคตจะเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ความเงียบเป็นการหลบภัยที่ดีที่สุด แม้ว่ากษัตริย์จะทรงประกาศในปี 2548 ว่าท่านย่อมกระทำผิดได้ (ในวันคล้ายวันประสูติ ท่านได้ตรัสว่าท่านทรงเสียใจที่ท่านอยู่เหนือการวิจารณ์) สถานการณ์ทำให้คนเซ็นเซ่อร์ตัวเอง นิตยสารอีโคโนมิสต์ฉบับเดือนธันวาคมได้ถอนตัวเองออกจากแผงด้วยความสมัครใจ จากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย เนื่องจากนิตยสารได้ลงข่าวเกี่ยวกับอิทธิพลของราชวงศ์ที่มีต่อการเมือง บล้อกเกอร์กรุงเทพและเวบรวมไซต์ดังๆได้รับ “คำขอร้อง” จากรัฐบาล และ/หรือกองทัพให้เอาความเห็นที่มีแนวโน้มจะหมิ่นกษัตริย์ออก ซึ่งพวกเขาได้ปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน คดีหมิ่นฯที่ยังมีต่อนักข่าวบีบีซีประจำประเทศไทย โจนาธาน เฮด ในกรณีบทความที่ตั้งคำถามถึงหน้าที่และอิทธิพลของราชวงศ์ไทยในการรัฐประหาร กับวิกฤติทางการเมืองเมื่อไม่นานมานี้ เพียงอาทิตย์แรกของการเป็นนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ในเดือนธันวาคม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศว่างานหลักของรัฐบาลคือจะปกป้องราชวงศ์ รมว.ไอซีทีได้เสริมว่าการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตจะเป็นงานหลักของรัฐบาลเช่น กัน กระทรวงไอซีทีได้ปิด 2,300 เวปไซต์เมื่อกลางเดือนมกราคมนี้ และได้จัดเข้าเป็นระเบียบวาระพิเศษเพื่อทำการปกป้องราชวงศ์ (เช่น จากยูทูป)

การกล่าวหาในกรณีคดีหมิ่นฯเป็นการที่ใคร จะฟ้องใครก็ได้ ปีที่แล้วตำรวจได้มีหมายจับนักวิชาการซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับการเกี่ยวข้อง ของราชวงศ์ในการทำรัฐประหารครั้งล่าสุด และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ได้ร่วมอภิปรายกับสื่อในมุมมองของความเป็นสาธารณรัฐ และข้อกล่าวหานี้ยังได้มีต่อประชาชน ต่อชายคนหนึ่งที่ได้วิจารณ์การทำรัฐประหารครั้งล่าสุด และปฏิเสธที่จะยืนตรงในโรงหนังในระหว่างการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และมีต่อผู้นำสหภาพแรงงานซึ่งปรากฏตัวในรายการข่าวในทีวี และได้พูดเกี่ยวกับการประท้วงโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่กำลังดำเนินอยู่ ความขัดแย้งของผู้นำสหภาพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ปฏิเสธที่จะยืนตรง ในโรงหนัง แต่ผู้นำแรงงานได้ใส่เสื้อซึ่งเขียนข้อความที่หน้าอกเสื้อว่า “ไม่ยืนตรง ไม่เป็นอาชญากร”

หรืออีกนัยหนึ่ง การใช้กฎหมายหมิ่นฯเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่ การเรียกร้องให้มีการพิจารณากฎหมายนี้ใหม่ได้เริ่มหนาหูขึ้น เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอภิสิทธิ์ได้ไปบรรยายต่อหน้าสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แห่งประเทศไทย อภิสิทธิ์ผู้ซึ่งจบการศึกษาจากอีตันและออกซ์ฟอร์ดไม่ได้แสดงความเสียใจในการประกาศตัวปกป้องราชวงศ์และกฎหมายหมิ่นฯ แต่อภิสิทธิ์ได้สัญญาว่าจะปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก เพื่อให้ดูสมดุลกัน อภิสิทธิ์ได้กล่าวว่าเขาได้พูดกับผบ.ตร.แห่งชาติ ให้พิจารณาทุกรายงานที่เกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ และอภิสิทธิ์ได้กล่าวต่อว่ากฎหมายหมิ่นฯมีทั้งจุดประสงค์และบทบาทต่อขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์ของไทย ถ้าใช้ดุลพินิจมากขึ้นการใช้กฎหมายในทางผิดก็จะลดน้อยลง

ใจ อึ๊งภากรณ์นักวิชาการชื่อดังเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นฯ ใจได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับอิทธิพลของราชวงศ์ที่มีต่อการเมืองไทย ใจกล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องไปได้ไกลกว่านี้ ใจได้รณรงค์ในระดับสากลให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ ใจเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจากนานาชาติ เพราะการโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลว่า กฎหมายใดๆในเรื่องการหมิ่นและจัดเป็นอาชญากรรมนี้ จะต้องถูกตั้งไว้ก่อนว่ามีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นตามหลักสากล และการขอแก้กฎหมายจะต้องทำต่อสังคมนานาชาติ เนื่องจากเป็นการยากที่จะขอแก้ไขในสังคมไทย ทั้งความเปราะบางของกษัตริย์อันเป็นที่รักวัย 81 พรรษา และความยุ่งเหยิงที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ (เกือบจะเป็นสงครามกลางเมือง) ทำให้คนไทยเกิดความกลัว

ยังคงเหมือนเดิม ใจชี้ได้ตรงประเด็นที่ว่ากฎหมายหมิ่นฯควรจะถูกทบทวนใหม่ว่ามีขอบเขตกว้างเกินไปไหม ควรมีรายละเอียด มีขอบเขตแค่ไหน มิฉะนั้นจะเป็นกฎหมายที่เป็นอันตราย กฎหมายหมิ่นฯจะถูกแก้ไขได้หรือไม่ก็ตาม แต่อภิสิทธิ์ได้ให้ความมั่นใจว่าตัวเขาเองไม่ทำแน่ อภิสิทธิ์ได้สั่งไปยังตำรวจให้ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ากฎหมายไม่ได้ถูกใช้เพื่อ อิทธิพลทางการเมือง กฎหมายหมิ่นฯในประเทศไทยเป็นเครื่องมือที่สะดวกในการหยิบขึ้นมาใช้ทำลายบุคคลอื่น และดูเหมือนว่าได้ถูกใช้จากทุกคนยกเว้นบุคคลคนหนึ่งซึ่งกฎหมายนี้ตั้งขึ้นมา เพื่อปกป้องบุคคลนั้น จะอีกนานแค่ไหนที่รัฐสภาแห่งประเทศไทยจะยอมให้คนไทยใช้กฎหมายนี้ทำลายคนไทย ด้วยกันเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น