ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
หมายเหตุ มาตรา 12 แก้ไขโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ที่มา: กฎหมายดอตคอม
50ปี มันเกือบทั้งชีวิตเลย แล้วยังไงถึงจะเข้าข่ายบ้าง แล้วถ้าทำผิดที่ต่างประเทศสามารถแจ้งเอาผิดได้หรือไม่ เมื่อตอนที่ทำผิดอ้างว่าอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว เข้ามาใน ราชอาณาจักร ขอความรู้เพิ่มเติมด้วย
ตอบลบถ้ากฏหมายข้อใดก็ตามที่ไม่สามารตอบสนองสามัญสำนึกของมนุษย์ได้ ก็เลิกเถอะครับ เพราะมันขัดกับความเป็นมนุษย์ จะไปใช้กับเทวดาคงได้
ตอบลบการไม่ยืนตรง ในโรงภาพยนตร์ ทำไมถึงมีความผิด
ตอบลบมันถือว่าเป็นการดูหมิ่น หรือ หมิ่นประมาทเลยหรือยังไง
คนดีคงไม่มีใคร ---
ตอบลบถ้ากฎหมายง่ายๆยังทำกันไม่ได้จะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยหาพ่อมรึงเหรอ
ตอบลบไม่เกี่ยวกันเลย
ตอบลบไม่ยอมหรอก อย่ามาแตะต้องได้ไหม ยังมีอีหลายเสียงที่ไม่มีวันยอมให้แก้ไข หรือยกเลิกเว้นแต่เพิ่มโทษให้หนักขึ้นเท่านั้น
ตอบลบแต่วันที่แก้ไข มันคือวันเกอดดิชั้นเลย T T มาตรา 12 แก้ไขโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ยืนในโรงหนังไม่ถึง 10 นาที มันไม่ตายหรอก
ตอบลบคนที่รู้จักบุญคุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือเป็นยอดคน
มันอยู่ที่จิตสำนึก
ตอบลบมันอยู่ที่จิตสำนึกจริง ๆ กฎหมายปิดหูปิดตาปิดบังความจริง....เอาออกไปเถอะท่วงประเทศเปล่าๆ
ตอบลบ@Oat_divils 15 ปีนะครับไม่ใช่ 50 ปี
ตอบลบใช่ ครับ คุณ kk ผมเห็นด้วย ยืนตรง ในโรงหนัง 10 นาที มันไม่ตายหรอก
ตอบลบที รอ ซื้อ ตั๋ว เป็น ชม. ยังรอได้ ผมรักและเทิดทูรสถาบันนี้ พวกคิดไม่ซื่อ มันไม่ตายดีหรอก
ประเทศไทย ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่เหตุฉไน ถึงมีกฎหมายของพวกเผด็จการแบบนี้ขึ้มา แย่ๆๆๆๆๆที่สุด
ตอบลบคนไม่รักในหลวงมีแค่สามคน คนโง่ คนจัญไร และคนเนรคุณ จะเอาผิดทางกม. ได้หรือไม่ คนพวกนี้ก็ไม่เจริญหรอก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบควรยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ ? (บทความพิเศษ)
ตอบลบการยกเลิกมาตรา 112 มีผลทำให้ประมุขของรัฐซึ่งถูกจำกัดสิทธิที่จะคุ้มครองตนเองโดยฐานะของตนใน ทางพฤตินัยไม่ได้รับความคุ้มครองและเสียสิทธิที่จะปกป้องตนเองในทางนิตินัย ไปพร้อมกันด้วย
ผู้เขียนเป็นนักเรียนโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย รุ่นแรก จบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยรับราชการเป็นผู้พิพากษาและเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาวิทยาลัย ปัจจุบันยังคงทำงานด้านกฎหมายอยู่ ผู้เขียนเคยได้รับทุนฟูลไบรท์ไปศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศประชาธิปไตยเต็มรูปแบบของโลก เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาถกเถียงกันอยู่ว่าประเทศไทยควรจะมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่? ซึ่งผู้เขียนขอแสดงความเห็นในด้านกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณาของท่านทั้งหลายไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ประเทศไทยกำหนดห้ามหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และห้ามหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาไว้ในมาตรา 326 ความว่า
" มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี "
" มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "
ข้อแตกต่างของความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์กับบุคคลธรรมดาประการแรกก็ คือ มาตรา 112 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งหมายความว่ารัฐเป็นผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องดำเนินการกับ ผู้กระทำความผิด ส่วนมาตรา 326 เป็นความผิดอันยอมความได้หรือความผิดต่อส่วนตัวซึ่งถ้าไม่มีผู้เสียหายไป แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ดำเนินคดีให้ เหตุที่บัญญัติไว้แตกต่างกันเช่นนี้ เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่ประมุขของรัฐ จะไปฟ้องร้องกล่าวโทษพลเมืองของตนเอง หากยกเลิกมาตรา 112 ก็เท่ากับเป็นการจำกัดสิทธิประมุขแห่งรัฐไม่ให้สามารถคุ้มครองตนเองจากการ ถูกหมิ่นประมาทได้
ยิ่งกว่านั้นการ " หมิ่นประมาท " หมายความว่า ใส่ความโดยไม่เป็นความจริงในลักษณะที่ทำให้ผู้ได้ยินได้ฟังเกลียดชังผู้ถูก ใส่ความซึ่งเป็นการกระทำอันชั่วร้ายผิดศีลธรรม การยกเลิกมาตรา 112 มีผลทำให้ประมุขของรัฐซึ่งถูกจำกัดสิทธิที่จะคุ้มครองตนเองโดยฐานะของตนใน ทางพฤตินัยไม่ได้รับความคุ้มครองและเสียสิทธิที่จะปกป้องตนเองในทางนิตินัย ไปพร้อมกันด้วย
ข้อ 2. กฎหมายอาญาของไทยเป็นกฎหมายที่มีความเป็นสากล กล่าวคือ ให้ความคุ้มครองประมุขของรัฐต่างประเทศและผู้แทนของรัฐต่างประเทศด้วยดังจะเห็นได้จากมาตรา 133 และ มาตรา 134 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
ตอบลบ" มาตรา 133 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีหรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่ง หมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "
" มาตรา 134 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ มาสู่พระราชสำนัก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึง หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "
ถ้ายกเลิกมาตรา 112 ผลตามกฎหมายก็คือ ประเทศไทยให้ความคุ้มครองประมุขแห่งรัฐต่างประเทศแต่ไม่คุ้มครองประมุขของตน เองซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัยของอารยประเทศอย่างยิ่ง หากจะยกเลิกมาตรา 133 และมาตรา 134 ไปพร้อมกับมาตรา 112 ผลก็คือประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศป่าเถื่อนในสายตาสังคมโลกและไม่มีประเทศ ที่เจริญแล้วประเทศใดในโลกคบค้าสมาคมด้วย เพราะไม่ให้เกียรติแก่ประมุขของเขาซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศสูงสุด ของประเทศเหล่านั้น
ข้อ 3. ในสังคมระหว่างประเทศมีหลักในการอยู่ร่วมกันข้อหนึ่งคือหลักถ้อยทีถ้อย ปฏิบัติโดยเท่าเทียมกัน ( Reciprocity ) กฎหมายของประเทศที่เจริญแล้วในโลกไม่ว่าจะมีประมุขเป็นพระมหากษัตริย์ หรือประธานาธิบดี หรือเรียกชื่ออื่นใดก็ตาม ย่อมถือว่าประมุขของประเทศใดเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของประเทศนั้น แต่ละประเทศจะให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่ประมุขของตนและให้ความคุ้มครองแก่ ประมุขของประเทศอื่น เพื่อประเทศอื่นจะได้ให้ความคุ้มครองแก่ประมุขของตนเองด้วยแล้ว ย่อมมีผลทำให้ประเทศไทยต่ำต้อยกว่าประเทศอื่นใดในสายตาชาวโลก
ข้อ 4. ประมุขของประเทศใดก็ตามย่อมถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของประเทศนั้น หากประมุขของประเทศใดไร้เกียรติ พลเมืองของประเทศนั้นย่อมต่ำต้อยไร้ค่ากว่าพลเมืองของประเทศอื่นในโลก ถ้าคนไทยยังรักที่จะเป็นคนที่มีเกียรติ ก็จะต้องรักษาเกียรติยศแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขของประเทศไว้สูงสุด จึงจะทำให้คนไทยมีเกียรติเหมือนพลเมืองชาติอื่นในโลก
ข้อ 5. ประมุขของแต่ละประเทศทั้งที่ได้รับการเลือกตั้งหรือโดยการแต่งตั้งล้วนแต่เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกขึ้น เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ขวัญ และกำลังใจของประเทศนั้นๆ ความภาคภูมิใจของพลเมืองในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ก็คือ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขได้รับการคัดเลือกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ (Supernatural) ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการและประกอบคุณงามความดีมาก่อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติจึงคัดเลือกให้มาเป็นประมุข
“การแก้ไขกฎหมายใดๆ โดยไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบ ทั้งภายในประเทศและในสังคมระหว่างประเทศ รวมทั้งโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมอาจทำให้บรรลุเป้าหมายด้านผลประโยชน์ของบุคคลบางคนบางกลุ่ม แต่ก่อให้เกิดความหายนะใหญ่หลวงแก่ประชาชนส่วนใหญ่และประเทศชาติ”
ขวัญชัย รัตนไชย
พระราชทรัพย์ (นิตยสาร Forbes จัดอันดับสถานฯร่ำรวยที่สุดในโลก)
ตอบลบ“วันนี้คนไทยจะต้องหันกลับมาทบทวนกันใหม่ ชาติเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีสถาบันที่อยู่คู่กับชาติไทยมานาน และสถาบันก็ไม่เคยเอาประโยชน์กับประชาชนของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงรับสั่งอยู่เสมอ ว่าพระองค์ท่านจะทรงสามารถช่วยเหลืออะไรประชาชนของพระองค์ท่านได้อีกบ้าง พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่มีอยู่ พระองค์ท่านก็พระราชทานมาช่วยเหลือประชาชน”
“พระองค์ท่านทรงทำประโยชน์ให้เเก่พสกนิกรชาวไทยมามากมายนัก”
ม.๑๑๒
“ประเด็นหลักจริงๆ ของกฎหมาย(ม.112) ผมคิดว่า ตัวกฎหมายไม่ได้มีปัญหา ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าเราไม่เอาความขัดแย้งทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง และก็เทิดทูนพระองค์ท่านไว้อยู่เหนือกฎหมาย ก็จะคลี่คลายลงไปได้ และก็จะน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะเกิดเหตุวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น”
“ผมเป็นคนไทยแท้ๆ การไปเรียนเมืองนอก ต้องการความเจริญ คิดดีแต่แตกต่างกันเรื่องความคิด ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่นี้ประเทศไทย ผมคิดแบบคนไทย ต้องการให้สถาบันอยู่กับประเทศไทยตลอดกาล ถ้าพวกคุณๆ ท่านๆ ทั้งหลาย คิดแบบพวกฝรั่ง หัวนอก ก็ไปอยู่เมืองเค้า มาอยู่ประเทศไทยทำไมกับพวกชาวต่างชายระยอมรับกันเหลือเกินยอมทุกอย่างที่เค้าเรียกร้อง แต่กับคนไทยด้วยกันเอง ทำไมไม่รู้จักยอมกันบ้าง น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ คนไทยทำไมถึงยอมต่างชาติแต่กับคนไทยด้วยกันยอมกันไม่ได้ จิตสำนึกที่ดีของคนทุกคนคงรู้ว่าตัวเองทำผิดหรอถูก”
ผมว่าคนไทยน่าสงสารนะครับ บางอย่างอยากมีเหมือนเค้าเช่นประชาธิปไตยแต่ก็ชอบบอกว่ามันเป็นแบบไทยๆ แต่ต้องดูด้วยว่าทำไมหลายประเทศเค้าปกครองแบบมีพระเจ้าแผ่นดินมาได้ยาวนานไม่มีปัญหาคงไม่ใช่เพราะกฎหมายเค้ารุนแรงหรอกนะครับหรือว่าบางทีมันอาจจะเบามากจนไม่ทำให้คนในชาติมีปัญหากัน บางทีการมีพระคุณมันไม่จำเป็นต้องมีพระเดชที่รุนแรงก็ได้มั้งครับ บ้างก็บอกว่ากฎหมายไม่มีปัญหา มันก็คงจะเหมือนกับแต่ก่อนที่ระบบอบเดิมไม่มีปัญหา แต่คนสมัยนั้นก็อยากได้ระบบใหม่หรือปล่าวครับ โดนหาว่าชิงสุกก่อนห่ามกันอีก เอาง่ายๆคือความดีไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรครับ
ตอบลบงงๆน่ะ ชีวิตที่ลิขิตเองไม่ได้ เค้าว่าดี ผมมองอีกมุมมาแย้ง ว่าถ้าปรับปรุงหรือแก้ไขได้มั้ย จะดีต่อส่วนรวมหรือป่าว กลับหาว่าจ้องจะทำลาย สิ่งเครารพสิ่งยึดเหนี่ยว ให้คนเรามุ่งทำความดี ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ลองช่วยๆกันคิดน่ะ ผมว่ายังไงเราก็อยู่ร่วมกัน จะให้ไล่ออกจากบ้านเลยเหรอ บุญคุณ,ผลประโยชน์มองกันให้ชัดๆ ใครได้ใครเสีย..?
ตอบลบ