หมายเหตุ: LM Article


LM watch พยายามคงการเน้นคำในเนื้อหาให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเงื่อนไขทางเทคนิคบางประการ ทำให้การแสดงผลบนเวบไซต์นี้ยังไม่สามารถใช้การเน้นแบบ "ขีดเส้นใต้" ได้ จึงจำเป็นต้องใช้การเน้นด้วย "ตัวหนา" แทนในบางกรณี ซึ่งต้องขออภัยต่อเจ้าของบทความ/รายงาน ตลอดจนผู้อ่านเป็นอย่างสูง

LM watch



วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บันทึก บก.ลายจุด ตอน เขาชื่อพระยาพิชัยฯ

ที่มา: nocoup.org (15 กันยายน 2550)


บันทึก บก.ลายจุด ตอน เขาชื่อพระยาพิชัยฯ (ตอนที่ 5)


บก.ลายจุด

ผมเตรียมเสื้อสีแดงไว้ 4 ตัว ตอนเข้าเรือนจำ 1 ตัว จนท.ศาลขอไป อีกตัวมอบให้กับ ผู้ต้องขังคนหนึ่ง ที่เคยไปร่วมเวทีที่สนามหลวง เอาไว้เป็นที่ระลึก

การใส่เสื้อแดง เพื่อเตือนสติตัวเองว่า ผมเข้ามาอยู่ในเรือนจำนี้ทำไม

หน้า ลานซีเมนต์ ใต้ต้นโพธิ์ เสียงกระซิบถามเบาๆ จากด้านหลัง ถามผมว่า ผมเป็นสมาชิกคนวันเสาร์ฯ หรือเปล่า? ชายคนนี้เห็นเสื้อแดงและข้อความ "ไม่รับร่างรธน.คมช." ที่เสื้อของผม

ผมหันกลับไป เจ้าของเสียงใส่เสื้อเชิญแขนยาวสีแดง กางเกงขาก๊วย ผมสั้นหน้าตาสื่อว่าเป็ฯคนเชื้อสายจีนชัดเจน "เปล่าครับ ผมอยู่กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์" ผมอธิบายถึงความเป็นแนวร่วม นปก. ที่ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ฯ และพลเมืองภิวัฒน์ ล้วนเป็นสมาชิก นปก.

ผมเริ่มสนใจเขามากขึ้น เมื่อเขาถามผมว่า รู้จักใครที่ "ประชาไท" บ้าง หลังจากที่ผมแนะนำตัวผมว่าใช้ชื่อ บก.ลายจุด

การ สนทนาค่อนข้างติดขัด ด้วยเหตุผลว่า เขาค่อนข้างระมัดระวัง ปิดบังเรื่องราวมากมาย ระหว่างการสนทนา เราใช้เวลา 3-4 วันกว่าผมจะเข้าถึงสภาพการณ์ที่เขาประสบเจอมา และเป็นเรื่องประหลาด ผมกับเขาได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน และเขานอนข้างผม เขาชื่อ "พระยาพิชัยฯ"

นามปากกาในอินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงอะไรบางอย่าง ผมมักต้องตอบคำถามเพื่อนหลายคนว่า "บก.ลายจุด" หมายความว่าอย่างไร แต่สำหรับชื่อของชายคนนี้ ผมแทบไม่ต้องถามเลยว่า มันหมายความว่าอย่างไร

พระ ยาพิชัย เป็นเจ้าของเว็บบอร์ดใต้ดินแห่งหนึ่ง สโลแกนของบอร์ดนี้ ทำให้ผมนึกถึงเวบบอร์ดอีกแห่งซึ่งมีคำขวัญประจำบอร์ดว่า "เว็บบอร์ดลวงโลก" ผมรู้จักเว็บนี้ครั้งแรก เมื่อมีคนมาโพสต์ข้อความและเชิญชวนให้เข้าเว็บนี้ พร้อมทั้งสอนวิธีการเข้าเว็บ โดยผ่านโปรแกรมผ่าเว็บอย่าง Ultrasurf

ชาย วัยสามสิบกว่าๆ ดูเป็นคนเงียบๆ เก็บตัว เขามีความฝันว่าจะเปิดบริษัทเล็ก ๆ และมีเงินก้อนหนึ่งจะแบ่งปันช่วยเหลือสังคม แต่ดูเหมือนชีวิตเขากำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งยากที่สุดในชีวิตที่เขาเคย ประสบ เขาไม่ใช่เด็กกิจกรรม เขาเรียนสายวิทยศาสตร์ จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ลงทะเบียนฟรีเว็บบอร์ด โดยไม่คิดว่าอะไรมันจะพัฒนาไปได้รวดเร็ว และถูกจับกุมคาเตียงนอนในขณะที่กำลังใช้อินเทอร์เน็ต

ตำรวจกองปราบ 3 คนบุกเข้ามาทางหน้าต่าง เขาไม่มีเวลากดทำการล้างข้อมูลในเครื่องที่เขาเตรียมไว้สำหรับการ Ghost ทับข้อมูลในนั้นทั้งหมด จากนั้นตำรวจอีกประมาณ 20 คน ก็บุกเข้ามาในห้องทางประตู เขาจำนนต่อการจับกุมในครั้งนี้ และรับสารภาพทุกอย่าง เขาถูกควบคุมไว้ที่กองปราบ 6 วัน ไม่สามารถติดต่อทนาย ญาติ เพื่อนฝูง (ตำรวจอ้างว่าโทรไปแล้วแต่ไม่ติด) ไม่มีการซ้อม เขาให้ความร่วมมือแก่ตำรวจอย่างเต็มที่

ตำรวจยื่น ภาพถ่ายของเขาที่ไปเดินที่สนามหลวงและอีกหลายที่ ภาพของเขาถูกถ่ายและถูกตำรวจติดตามมาเป็นระยะเวลาพอสมควร ตำรวจพยายามเชื่อมโยงเขากับกลุ่มเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ แต่เขาปฏิเสธเรื่องว่า การทำเว็บนี้ มีคำสั่งให้ทำ ทำให้ตำรวจตัดข้อสมมุติฐานเรื่อง ขบวนการล้มล้างสถาบันออกไป

สิ่ง ที่ตำรวจได้ไปคือ account ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น account ในการเข้าไปบริหารเว็บบอร์ด เบอร์อีเมล์ และ MSN เขาบอกว่า เขาให้ทุกอย่างที่เขามี นั่นแปลว่า รายชื่อคนใน MSN และ History รวมถึงอีเมล์ทั้งหลาย ที่ได้มีการสนทนากับคนจำนวนหนึ่ง อยู่ในมือตำรวจเรียบร้อยแล้ว

นอกจากเขาแล้ว กองปราบได้เข้าควบคุมตัวผู้หญิงนักเล่นบอร์ดอีกคนในนาม "ท่อนจันทร์" ซึ่งทั้งสองถูกจับกุมและสอบสวนที่กองปราบพร้อมกัน

"เธอดูจะเข้มแข็งกว่าผมมาก แต่เธอมีโรคประจำตัว เธอสุขภาพไม่ดี"

ตอน นี้ ท่อนจันทร์ ถูกฝากขังไว้ที่เรือนจำ ยังไม่ได้รับการประกันตัว ล่าสุด นักข่าวจากประชาไทไปเยี่ยม สุขภาพจิตท่อนจันทร์ปกติดี แต่สุขภาพอ่อนล้า ครอบครัวเธอกำลังรวบรวมเงิน หรือหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว 1 แสนบาท แต่ครอบครัวก็ยังหาเงินก้อนนั้นไม่ได้

คดีนี้ นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการใช้พรบ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ เป็นกรณีแรก และก้าวล่วงมาถึงความผิดด้านความมั่นคง

"ถ้าผมออกไปได้ ผมจะเลิกยุ่งกับการเมือง บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียว"

"ผู้กำกับครับ ถ้าผมหลุดจากคดีนี้ได้ ผมจะทำเว็บเทิดทูน...ตั้งแต่ 1-9 เลยครับ"

เสียงเจ้าหน้าทีเรือนจำไขกุญแจห้องตอนดึก เรียกชื่อพระยาพิชัย เขากระโดดสุดตัวเมื่อรู้ว่า เขาได้ประกันตัว

ความรู้สึกของผมคือ ผมไม่อยากเจอเขาอีก ผมทนดูความอ่อนแอของเขาไม่ได้ และผมไม่อยากเจอใครในเน็ตที่ต้องคดีอย่างเขาอีก

ผม เขียนบันทึกนี้ด้วยความกังวลหลายเรื่องทับซ้อนกัน เพราะเชื่อว่า เจ้าตัวคงไม่ชอบให้ผมเขียนถึงเท่าไหร่ แต่ผมเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ มิใช่เป็นเรื่องราวของปัจเจกเพียงคนเดียว แต่มันจะส่งผลกระทบในวงกว้าง การแบ่งปันเรื่องราวนี้ อาจทำให้หลายคนได้คิด ได้สติ และรู้จักจัดวางตัวเองให้เหมาะสม และผมยินดีจะถูกต่อว่าจากคนที่เกี่ยว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น